วันพุธที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2557
ถึงแฟนคลับทุกท่าน
วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2554
ขึ้นศาลเมืองฝรั่ง (ตอน 1)
ขึ้นศาลเมืองฝรั่ง
ไตรภพ USA
เรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลไม่มีคนไทยคนไหนชอบ ถึงกับมีสุภาษิตว่าเป็นความกัน ไปทะเลาะกับคุณสุนัขยังจะดีกว่า
ยิ่งขึ้นโรงขึ้นศาลในต่างประเทศด้วย ไม่ต้องพูดถึง ..... ขี้ขึ้นสมองเลย
ครับ ผู้เขียนเองก็เป็น เพียงแต่ขึ้นไปไม่ถึงสมอง คงไม่ติดอยู่แถวๆลูกกระเดือกนั่นเอง
อิๆๆๆๆ
การไปโรงไปศาลหรือไปขึ้นศาล ภาษาประกิตเรียกว่า go to court อันนี้หมายถึงไปขึ้นศาลเพราะเราเป็นโจทก์ฟ้องหรือถูกฟ้องเป็นจำเลยนั่นเอง อันนี้ขอให้สังเกตว่า คำว่า court จะไม่มี the นำ เข่น
แต่ถ้าไปศาลที่เป็นตัวตึกหรือไปศาลเพราะธุระอย่างอื่น คำว่า court จะต้องมี the นำหน้าเสมอ เช่น
- I’m going to the courthouse. กรณีนี้หมายถึงกำลังจะเดินทางไปศาล แต่ไม่ได้หมายถึงไปขึ้นศาล แต่ไปทำธุระอย่างอื่น เช่น ไปรับแฟน
การพิจารณาคดี เรียกว่า trial อ่านว่า ทรัย-เอล
คดีความในภาษาอังกฤษเรียก a case หรือ a lawsuit ส่วนการจะฟ้องร้องหรือร้องเรียนกันเราใช้ว่า file (ไฟ-เอล) เช่น
file a lawsuit หรือ file a suit แปลว่านำคดีไปฟ้องร้องยังศาล
file a complaint หมายถึง ร้องทุกข์
ส่วนคำว่า sue ก็แปลว่าฟ้องคดีเช่นกัน แต่เนภาษาพูดที่ชาวบ้านเขาพูดกัน เช่น
- If you touch me, I’ll sue you. (แตะต้องตัวชั้นเมื่อไหร่ ฉันฟ้องทันทีเลย) คำๆนี้จได้ยินได้ฟังบ่อยมากในหนังฝรั่ง แสดงว่าสังคมอเมริกันอะไรๆ ก็ฟ้องแหลก
หรือที่ได้ยินบ่อยๆ ก็คือ I want to sue my neighbor.
ชั้นอยากจะฟ้องเพื่อนบ้านของชั้นซะจริงๆ
อันนี้จริงขอรับ เพราะฝรั่งเพื่อนบ้านมันช่างสอดรู้สอดเห็นจริงๆ คุณยายแมรี่ข้าบ้านผู้เขียนชอลชะโงกข้ามรั้วมามองในเขตบ้านผู้เขียนบ่อยๆ
..... บางครั้ง บอกผู้เขียนว่าทำไมยูไม่ทำอย่างนั้น ทำไมไม่ทำอย่างนี้
None of your business. (ไม่ใช่กงการอะไรของยู)
ผู้เขียนคิดในใจดังลั่น ไม่ไม่มีเสียงปริออกมาจากปาก
Yeap! I’ll do it. ครับ เดี่ยวไอจะทำตาม
ก็ตอบๆไปอย่างนั้นแหละ เอาใจเพื่อนบ้าน เพราะไม่งั้นผิดใจอะไรกัน พี่แกโทรไปแจ้งตำรวจหรือซิตี้เอา
...... ผู้เขียนงี้โดนบ่อย
วกมาดูเรื่องโรงๆศาลๆต่อ
คดีแพ่ง เรียกว่า civil case ฉะนั้น ถ้าเป็นศาลคดีแพ่ง ก็จะเรียกว่า Civil Court
ส่วนคดีอาญา เรียกว่า Criminal Case ส่วนศาลอาญา ก็คือ Criminal Court
คราวนี้มาดูคู่กรณีกัน
ฝ่ายฟ้องร้องหรือโจก์ เรียกว่า plaintiff ส่วนฝ่ายถูกฟ้องก็คือ จำเลย หรือ defendant ซึ่งมาจากคำกริยาว่า defend (ป้องกัน) เพราะในความหมายของการเป็นจำเลยต้องมีการป้องกัน แก้ต่างหรือแก้ข้อกล่าวหานั่นเอง
คนสำคัญอีกคน ก็คือทนายความ จะใช้ Lawyer ก็ได้ หรือ Attorney หรือ Attorney-At-Law ก็ได้ เช่น a defense attorney คือ ทนายจำเลย เพราะทำการแก้ต่างให้จำเลย
ส่วนพนักงานอัยการเรียกว่า Prosecutor อัยการมีเฉพาะในคดีอาญาเท่านั้น เพราะถือเป็นคดีความแผ่นดิน
ส่วนบุคคลอื่นๆ ในศาลก็เช่น
Judge คือผู้พิพากษาซึ่งทำหน้าที่ในการพิจารณาคดี
Jury ลูกขุน ที่อเมริกาการพิจารณาคดีต้องมีลูกขุนเสมอ ทำหน้าที่ค้นหาข้อเท็จจริงในคดีนั้นๆ ในคดีอาญาต้องมีคณะลูกขุนเสมอ ส่วนคดีแพ่งส่วนใหญ่ไม่ต้องมีลูกขุน ยกเว้นบางคดี
ลูกขุนคนเดียว เรียกว่า Juror
แต่ถ้าเป็นคณะลูกขุนทั้งชุดแล้ว เรียกว่า a jury
A third party คือบุคคลที่สาม
วันนี้ คงพอแค่นี้ก่อน เพราะเรื่องในโรงในศาลเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาว คงต้องร่ายกันหลายตอน
สวัสดีครับ
วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2552
สำนวน No kidding.
อย่างเช่น นี่เธอ รู้เปล่าฉันได้รับเลือกเป็นนายกสมาคมไทยฯ นะ I got elected president of Thai Association.
No kidding. That’s great. (ไม่ได้พูดเล่นใช่ไหม ดีจัง)
หรืออย่างเช่น ปีหนึ่งผู้เขียนมาเที่ยวเมืองไทย ส่วนจะเป็นปีไหนเดือนไหนนั้น จำไม่ได้ขอรับ รู้แต่ว่าตอนนั้นยังหนุ่มมาก (ตอนนี้หนุ่มน้อย) เจอนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันที่เกาะพีพีเลยคุยกันถูกคอ ต่อมาฝรั่งทราบว่าผู้เขียนก็อยู่อเมริกาเหมือนกัน ก็เลยถามว่าผู้เขียนมาจากเมืองไหน
I came from Santa Cruz. (ไอมาจากเมืองซานตาครูซ) ผู้เขียนตอบ
ฝรั่งทำหน้าตื่นเต้น Wow! I did too. No kidding. (ว้าว ไอก็มาจากเมืองนั้นเหมือนกัน ไม่ได้ล้อเล่นเลย)
ตัวอย่างอื่นๆ
- No kidding, are you really going to buy a house. (จริงเหรอ ที่ว่าจะซื้อบ้านหลังนี้)
สำนวน Now you’re talking!
อย่างเช่น มีลูกไม่รักเรียน เรียนไม่หมกมุ่นลุ้นแต่วิดีโอเกม อยู่ๆ วันหนึ่งก่อนไปโรงเรียนลูกบอกว่า Mom! From now on, when I get back from school, I’m going to study harder than ever. (ต่อแต่นี้ไปเมื่อลูกกลับจากโรงเรียน ลูกจะเรียนให้หนักกว่าที่เคย)
Now you’re talking. คุณแม่ตอบด้วยความดีใจ
หรืออย่างเช่น ทำงานมาหลายปีไม่เคยได้ขึ้นเงินเดือน วันหนึ่งผู้จัดการเรียกไปพบบอกข่าวดีว่าขึ้นเงินเดือน เลื่อนตำแหน่ง มีออฟฟิศส่วนตัว
“You offer me the raise and a corner office. Now you’re talking.
(คุณเสนอขึ้นเงินเดือนและให้ไปอยู่ออฟฟิศใหม่ อย่างนี้น่าร้ากกกกก ที่สุด)
หรืออย่างเช่น You’want to give me free tickets to Britney Spear Concert. Now you’re talking. (คุณให้ตั๋วคอนเสิร์ทบริทนี่ย์ สเปียร์ อย่างนี้น่าคุยกันหน่อย)
สำนวน Not again
การออกเสียง ให้ลากเสียงยาวๆ แบบเบื่อหน่าย อย่างสุดๆ
อย่างเช่น ภรรยากลับถึงบ้าน บ่นกับสามี Honey! I just got another speeding ticket. (ที่รักจ๋า ฉันถูกใบสั่งขับรถเร็วอีกใบแล้ว)
Not again! (อีกแล้วเหรอ) น่าปลื้มๆ เมียเรานักสะสมใบสั่ง
จิมควงแฟนสาวคนใหม่ออกงาน เพื่อนๆ ต่างพากันสวมหัวนินทาทันที Here comes Jim with a new girlfriend. (นั่นไงอีตาจิมควงแฟนคนใหม่อีกแล้ว)
Not again! (อีกคนแล้วเหรอ)
สำนวน My pleasure. หรือ It’s my pleasure.
ความหมาย:
1) ใช้ในความหมายว่า ผู้พูดมีความยินดีอย่างยิ่งที่ ..... (ด้วยความยินดีอย่างยิ่ง) มีความหมายเช่นเดียวกับคำว่า You’re welcome. (ไม่เป็นไร)
อย่างเช่น ผู้เขียนเห็นผู้สูงอายุ (กว่า) กำลังทุลักทุเลขนกล่องใบเขื่องขึ้นอพาร์ทเมนท์เลยเข้าไปช่วย Thank you for bringing my new TV up here. (ขอบคุณนะพ่อหนุ่มที่ช่วยขนทีวีขึ้นมา)
โห ทีวีนี่เอง ไม่น่า หนักฉิบ .... เป้ง รู้ยังงี้แกล้งทำเป็นไม่เห็นดีกว่า ฮิๆๆๆ
ครับ แน่นอน ผู้เขียนต้องกัดฟันยิ้มแป้น (น่ารักไหมครับ) ตอบว่า With my pleasure. (ด้วยความยินดีครับ คุณป้า)
งานนี้หอบรับประทานตามเคย แต่ก็มีความสุขที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น
หรือหนุ่มๆ เดินไปส่งแฟนสาวถึงหอพัก Thank s for walking me here. (ขอบคุณมากนะคะที่เดินมาส่ง) แฟนสาวขอบคุณ
It was my pleasure. (เต็มใจที่สุดเลยครับ)
ครับ งานนี้ได้ไปอีก 2 คะแนน
2) ใช้ในความหมายว่า “ยินดีมากที่ได้รู้จัก” (happy to see/meet you)
ตัวอย่าง:
จิมแนะนำจอห์นให้รู้จักจิลแฟนสาว (คนใหม่) John, meet Jill, my girlfriend.
จอห์นตอบรับ ยินดีมากที่ได้รู้จักครับ “My pleasure”
สำนวน Don't hold your breath.
อย่างเช่น นี่เธอจ๋า เธอคิดว่าอีตาเดวิดจะเลิกกับทีน่าหรือเปล่า You think David will break up with Tina?
“Don't hold your breath!" (รอไปเถอะ)
หรือ เพื่อนมาขอยืมรถขับไปนิวยอร์ค Don't hold your breath (ฝันไปเถอะ) I said when my friend asked when he would be able to borrow my car.
หรือ ยุคนี้น้ำมันแพงรัฐบาลออกมาประกาศว่าราคาน้ำมันจะถูกลง The government said that gasoline prices would go down.
Oh, yeah! Don't hold your breath (งั้นเหรอ น่าเชื่ออยู่หรอก)